ประวัติอำเภอพานทอง
เมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงนำทหารในบังคับบัญชาตีฝ่าวงล้อมทหารพม่าหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา ได้กวาดต้อนครัวเรือนรายทางมาตั้งเมืองและค่ายทหารชั่วคราวขึ้นที่ตำบลโป่งตามุขเรียกว่าเมืองโป่งตามุข เป็นเมืองควบคุมหัวเมืองชายทะเล มีเจ้าเมือง ศาล และเรือนจำ สำหรับใช้เป็นที่ปกครองชำระคดีความ โดยมีตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณวัดโป่งตามุข ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทองในปัจจุบัน
ในสมัยนั้นมีพรานป่าคนหนึ่งชื่อทอง เป็นชาวกรุงศรีอยุธยา ได้อพยพครอบครัวและญาติพี่น้องหนีพม่ามาตั้งภูมิลำเนาทำมาหากินเลี้ยงชีพในทางล่าสัตว์อยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ริมคลองซึ่งแยกจากคลองบางปะกง (ปัจจุบันเรียกคลองพานทอง) ตรงระหว่างตำบลบ้านเก่ากับตำบลบางนางในปัจจุบัน และพร้อมกันนั้นนายพรานทองได้ทำหน้าที่เป็นจารชนสืบข่าวของข้าศึกถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และได้รวบรวมกำลังกู้อิสรภาพขับไล่พม่า เมื่อเสร็จศึกสงครามแล้ว นายพรานทองจึงได้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งห่างจากหมู่บ้านของตนไปทางทิศตะวันออกประมาณ 5 กิโลเมตร ณ ริมคลองสายเดียวกัน ให้ชื่อว่า "วัดพรานทอง" นัยว่าเพื่อเป็นการล้างบาปที่ตนเองมีอาชีพในทางล่าสัตว์ และได้อพยพครอบครัวมาประกอบอาชีพเป็นหลักฐานอยู่ในบริเวณใกล้วัดพรานทองนี้ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "หมู่บ้านพรานทอง" และเรียกคลองซึ่งแยกจากคลองบางปะกงว่า "คลองพรานทอง" ด้วย
แต่ด้วยเหตุที่ชาวบ้านออกเสียงควบกล้ำ ร ไม่ชัดเจน ฉะนั้นคำว่า "วัดพรานทอง" "บ้านพรานทอง" และ "คลองพรานทอง" จึงได้เพี้ยนเป็น "วัดพานทอง" "บ้านพานทอง" และ "คลองพานทอง" ดังในปัจจุบัน
สภาพพื้นที่ของอำเภอพานทองเดิมเป็นที่ราบลุ่มคล้ายท้องกระทะ เหมาะแก่การทำไร่นา มีคลองธรรมชาติจากอำเภอพนัสนิคม ผ่านหมู่บ้านท่าตะกูด หมู่บ้านพานทอง หมู่บ้านเก่า ซึ่งขึ้นตรงกับเมืองพนัสนิคม โดยผลผลิตทางการเกษตรจากตัวเมืองพนัสนิคมจะถูกขนส่งมาทางเรือในฤดูน้ำหลาก มารวมจุดพักขนถ่ายและซื้อขายที่หมู่บ้านท่าตะกูด
เมื่อบ้านท่าตะกูดนี้เมื่อมีชุมชนและประชากรเพิ่มขึ้น โดยทางราชการได้ปลูกสร้างเป็นโรงไม้ขึ้นใช้เป็นที่ว่าการอำเภอชั่วคราวจัดตั้งเป็นอำเภอแยกออกจากอำเภอพนัสนิคม และเรียกชื่อว่า อำเภอท่าตะกูด จนถึงปี พ.ศ. 2451 จึงได้ปลูกสร้างที่ว่าการอำเภอถาวรหลังใหม่ขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่ออำเภอเป็น อำเภอพานทอง
เข้าชม : 975 |