ข่าวประชาสัมพันธ์ โรคติดต่อ อีโบล่า
พุธ ที่ 15 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2557
|
|
อีโบลา เชื้อไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตผู้คนในแอฟริกาตะวันตกไปแล้วหลายร้อยคน กับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังคงน่าเป็นห่วงและต้องจับตาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โรคนี้กำเนิดอย่างไร ติดต่อได้ทางไหน และจะป้องกันตัวจากโรคอีโบลาได้อย่างไรบ้าง มาศึกษาไปพร้อมกันเลย
ข่าวเชื้ออีโบลา ล่าสุด
สถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้ออีโบลาในทวีปแอฟริกาตะวันตกยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตและต้องอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยในตอนนี้มีการระบาดหนักในประเทศกินี (Guinea) ไลบีเรีย (Liberia) และเซียร์ราลีโอน (Sierra Leone) มีผู้เสียชีวิตแล้ว 660 ราย โดยการระบาดเกิดจากระบบสาธารณสุขที่ไม่ดีนัก มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ญาติผู้ป่วยสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง สัมผัสศพด้วยมือเปล่า เป็นต้น
โดยกรณีล่าสุดคือ ผู้ป่วยที่เดินทางไปกับเครื่องบินจากไลบีเรียแล้วไปเสียชีวิตที่ประเทศไนจีเรีย และนายแพทย์จากเซียร์ราลีโอน ผู้รับได้การยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษในการต่อต้านเชื้อโรคอีโบลา เสียชีวิตลงเพราะติดเชื้อเสียเอง ยิ่งทำให้ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าโรคอีโบลานี้ร้ายแรงมาก อีกทั้งตอนนี้มีการประกาศเตือนจากแพทย์ของอังกฤษว่า ให้ทั่วโลกตื่นตัวในการเฝ้าระวัง เนื่องจากมีผู้ป่วยถูกปล่อยให้โดยสารเครื่องบินกับผู้โดยสารหลายสัญชาติ และผู้โดยสารที่เดินทางร่วมเที่ยวบินกับผู้ป่วยที่เสียชีวิตอาจเดินทางต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ยิ่งทำให้ต้องรีบตื่นตัว เฝ้าระวังโรคจากเชื้อไวรัสอีโบลากันมากขึ้น ฉะนั้น เราจึงขอนำข้อมูลของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลามาฝากกัน เพื่อความเข้าใจและแนวทางการปฏิบัติตัวในการรับมือโรคอย่างถูกต้องค่ะ
เชื้ออีโบลา คืออะไร
เชื้อไวรัสอีโบลา เป็นกลุุ่มโรคไข้เลือดออกชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า "ซาร์อี อีไบลาไวรัส" (Zaire ebolavirus) ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามพื้นที่ที่พบว่ามีการระบาดของโรคเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2519 คือใกล้กับลุ่มแม่น้ำอีโบลา ในประเทศซาร์อี (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐคองโก) แต่อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถระบุแหล่งต้นตอที่เป็นรังของเชื้ออย่างแน่ชัดได้
รูปร่างของเชื้อไวรัสอีโบลา หรือ EBOV VP30 (Ebola Virus VP30) มีลักษณะเป็นเส้นด้ายในกลุ่มฟิโลไวรัส เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 80 นาโนเมตร ยาวได้มากถึง 1,400 นาโนเมตร แบ่งออกเป็น 5 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่ร้ายแรง ได้แก่ สายพันธุ์ซูดาน สายพันธุ์ซาร์อี และสายพันธุ์บันดิบูเกียว
เชื้ออีโบลา ระบาดอย่างไร
การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาหรือโรคไข้เลือดอีโบลา มีลักษณะแพร่เชื้อจากคนสู่คนผ่านทางการรับหรือสัมผัสของเหลวจากร่างกายผู้ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเลือด น้ำลาย น้ำมูก เหงื่อ สารคัดหลั่งต่าง ๆ ตลอดจนเชื้ออสุจิ อย่างไรก็ดี ดังในข่าวที่มีการเตือนให้เฝ้าระวังผู้โดยสารที่เดินทางร่วมเครื่องบินกับผู้ป่วยไปนั้น ก็ยังถือได้ว่ามีโอกาสติดเชื้อต่ำ เนื่องจากเชื้ออีโบลาไม่ติดต่อกันทางอากาศที่หายใจร่วมกัน
เชื้ออีโบลา แอฟริกาพบบ่อย
การระบาดของเชื้ออีโบลาในแถบแอฟริการะลอกล่าสุดนี้ เริ่มระบาดจากบริเวณพื้นที่ห่างไกลในประเทศกินีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก่อนที่เชื้อจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนถึงชายแดนของไลบีเรีย ตามมาด้วยเซียร์ราลีโอน กินี และเข้าสู่ภาวะการระบาดอย่างหนักในช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งโดยตลอด 2 เดือนนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนแตะที่อย่างน้อย 660 คน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการป้องกันและสกัดกั้นเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจายมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งการระบาดของเชื้อได้เลย
เชื้ออีโบลา อาการเป็นอย่างไร
โรคอีโบลามีระยะฟักตัว 2-21 วัน โดยอาการสามารถแสดงได้ตั้งแต่วันแรกเริ่มจากมีไข้สูงเฉียบพลัน เริ่มจากมีไข้สูงเฉียบพลัน อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อทั้งตัว เจ็บคอ ตามมาด้วยอาการท้องเสีย อาเจียน มีผื่นนูน มีเลือดออกตามเยื่อบุของร่างกาย เช่น เยื่อบุตา ภายในช่องปาก รวมทั้งเลือดออกที่อวัยวะภายใน มีอาการผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง การทำงานของตับและไตล้มเหลว ช็อก ผู้ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 50%-90%
ทั้งนี้ อาการในระยะแรกเริ่มของโรคมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาการป่วยด้วยโรคชนิดอื่น ๆ เช่น ไข้มาลาเรีย ท้องร่วง ไข้หวัด ไข้เลือดออกจากไวรัสอื่น ๆ ทำให้ระบุโรคได้ล่าช้า
เชื้ออีโบลา การรักษา
ในปัจจุบันยังคงไม่มีทั้งวัคซีนป้องกันและยารักษาเชื้ออีโบลาโดยเฉพาะ ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการด้วยการให้น้ำและเกลือแร่ทดแทน รวมทั้งให้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดในช่วงแรก เพื่อป้องกันเลือดจับเป็นลิ่มในหลอดเลือด จากนั้นจึงให้ยาช่วยการแข็งตัวของเลือดในระยะที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการเลือดออก
เชื้ออีโบลา ในประเทศไทย
ในปัจจุบัน ยังคงไม่พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาในประเทศไทย และมีการวิเคราะห์โดยนายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เฉพาะด้านไวรัสคลินิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า โอกาสที่เชื้อจะเข้ามาระบาดในเอเชียนั้นมีต่ำ เพราะผู้ป่วยที่ติดเชื้อแล้วมักอยู่ในสภาพร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะเดินทางได้ การแพร่ระบาดข้ามทวีปจึงเกิดขึ้นได้น้อย
มาตรการเฝ้าระวังเชื้ออีโบลา
แม้ประเทศไทยจะมีความเสี่ยงในการพบเชื้อต่ำ แต่ในเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ 3 มาตรการเฝ้าระวังโรคอีโบลามาแล้ว ดังนี้
1. ให้สำนักระบาดวิทยาติดตามสถานการณ์โรคจากองค์การอนามัยโลก สาธารณสุขทุกจังหวัดเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค
2. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เข้มงวดต่อการรักษาผู้มีอาการต้องสงสัย โดยใช้มาตรการเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อร้ายแรง เช่น ไข้หวัดนก ซาร์ส เป็นต้น
3. ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมความพร้อมห้องแล็บในการตรวจหาเชื้อ ซึ่งไทยได้รับความร่วมมือจากสหรัฐฯ ในการตรวจวิเคราะห์เชื้อไวรัสชนิดนี้
สำหรับประชาชนทั่วไป ก็มีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้ออีโบลา คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่นำเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจโรค เลี่ยงการรับประทานอาหารจากเนื้อสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะ ลิง ค้างคาว รวมทั้งเลี่ยงเมนูเปิบพิสดารอื่น ๆ และงดการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรค ซึ่งขณะนี้ก็คือประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกนั่นเอง
ที่มา: เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เข้าชม : 351
|
|
ข่าวประชาสัมพันธ์ 5 อันดับล่าสุด
กศน.ตำบลทุ่งสุขลา ร่วมกับ เทศบาลนครแหลมฉบัง 3 / ธ.ค. / 2558
รับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 1/2558 12 / มี.ค. / 2558
เตรียมพร้อมสอบ GAT/PAT ปีการศึกษา 2558 15 / ต.ค. / 2557
โรคติดต่อ อีโบล่า 15 / ต.ค. / 2557
ประกาศรับสมัครนักศึกษาใหม่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 26 / ก.ย. / 2557
|