พระรถเมรี นางสิบสองPosted by kenshin Published in นิทานพื้นบ้านภาคกลาง, นิทานพื้นบ้านไทย
พระรถเมรี นางสิบสอง
พระรถสิทธิ์ ผู้ครองเมืองไพศาลีด้วยความสงบสุข ในเมืองนั้นมีเศรษฐีร่ำรวยมากคนหนึ่งชื่อพรหมจันทร์ มีภรรยาที่อยู่กันมานานแต่ไม่มีบุตรธิดาเลย จึงไปหาพระฤษีเพื่อขอบุตรธิดา พระฤษีจึงให้เก็บก้อนกรวดที่ปากบ่อหน้าอาศรม และให้นึกถึงพระฤษีทุกครั้งเมื่อภาวนาเศรษฐีได้เก็บก้อนกรวดไปสิบสองก้อน หลังจากนั้นภรรยาของเขาก็ตั้งท้องและมีธิดาติดต่อกันเรื่อย ๆ มาจนได้สิบสองคน เศรษฐีเลี้ยงลูกสาวด้วยความรักและเอ็นดูเรื่อยมา
อยู่มาเศรษฐีค้าขายขาดทุนย่อยยับไม่สามารถหาเงินและอาหารมาเลี้ยงดูลูกสาวได้ทั้งสิบสองคน ในที่สุดจึงตัดสินใจที่จะนำลูกสาวทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่า ขณะที่สองผัวเมียปรึกษาวางแผนกันอยู่นั้น ลูกสาวคนสุดท้องแอบได้ยิน จึงย่องออกไปเก็บก้อนหินเล็ก ๆใส่ในห่อผ้าไว้จำนวนมาก
ครั้นเมื่อพ่อ แม่ พาเข้าไปในป่าเพื่อตัดฟืนมาขาย ลูกสาวคนสุดท้องจะเดินอยู่ข้างหลังและเอาก้อนหินที่ห่อมาด้วยทิ้งตามทางไปเรื่อย ๆ เพื่อทำเครื่องหมาย เพื่อจะได้จำทางกลับบ้านได้
เมื่อถึงกลางป่า พ่อ แม่ ก็สั่งให้ลูก ๆ แยกย้ายกันไปหาตัดฟืนและหาผลไม้ในป่าทึบที่กว้างใหญ่นั้น ส่วนพ่อแม่เมื่อเห็นลูก ๆ จากไปในป่าแล้วก็จำใจต้องทิ้งลูกหลบหนีกลับบ้าน ครั้นตกเย็น ลูกสาวทั้งสิบสองคนก็กลับมายังที่นัดกันไว้ตอนเช้า แต่ไม่พบพ่อแม่ต่างก็ร้องให้คร่ำครวญ ลูกสาวสุดท้องที่ชื่อว่า เภา จึงบอกพี่ ๆ ว่าตนจะพาพี่ ๆกลับบ้าน แล้วเภาก็พาพี่ ๆ เดินกลับบ้านตามทางที่นางโรยก้อนหินเอาไว้ เศรษฐีผู้ยากจนกับภรรยาได้หาวิธีนำลูกสาวทั้งสิบสองคนไปปล่อยป่าหลายครั้งหลายครา แต่ลูก ๆ ก็กลับมาได้ทุกครั้ง ครั้งสุดท้าย เภา ไม่มีโอกาสออกมาเก็บก้อนหินเหมือนครั้งก่อน ๆ เมื่อพ่อและแม่พาไปผ่าฟืนและหาผลไม้ในป่าก็จำยอมไปด้วย และได้แอบโปรยอาหารที่พ่อแม่ให้ไว้กินระหว่างทางโปรยตามทาง เพื่อเป็นเครื่องหมายของทางกลับบ้าน แต่ด้วยความที่เป็นเศษอาหาร สัตว์ต่าง ๆ จึงมาแอบมากินกันเสียสิ้น
ครั้นเมื่อพ่อแม่หนีกลับบ้านไปแล้ว นางทั้งสิบสองคนก็ไม่สามารถหาทางกลับบ้านได้อีกจึงจำต้องร่อนเร่พเนจรไปเรื่อย อย่างหลงทิศหลงทาง ในที่สุดก็ได้หลงเข้าไปในเมืองของพวกยักษ์ พวกนางได้อาศัยอยู่กับนางยักษ์ผู้ครองเมืองชื่อ สันทมารซึ่งเป็นนางยักษ์หม้ายมีลูกสาวชื่อว่า เมรี นางทั้งสิบสองคนไม่ทราบว่า นางสันทมาร และ เมรี เป็นยักษ์ จึงอาศัยอยู่ด้วย ฝ่ายนางสันทมารนั้นต้องออกไปจับสัตว์กินเป็นอาหารเสมอ ๆ โดยไม่บอกให้นางทั้งสิบสองรู้ วันหนึ่งพวกนางทั้งสิบสองเดินเล่นอยู่ในสวนอุทยานนั้น บังเอิญได้ไปพบเห็นกระดูกคนและสัตว์จำนวนมากซ่อนอยู่ พวกนางจึงทราบว่า นางสันทมาร เป็นยักษ์จึงหวาดกลัวและพากันหลบหนี เมื่อนางยักษ์ สันทมาร กลับมาจากหาอาหาร ก็ได้ทราบจาก เมรี ว่านางทั้งสิบสองได้หนีไปแล้ว นางจึงโกรธมาก ออกติดตามพวกนางทั้งสิบสองทันทีหวังจะจับกินเป็นอาหาร แต่ด้วยว่านางทั้งสิบสองนั้นพอจะมีบุญญาธิการอยู่บ้างพวกเทวดาในป่าจึงช่วยกันกำบังซ่อนตัวพวกนางไว้ไม่ให้ นางสันทมาร เห็น ในที่สุดพวกนางทั้งสิบสองคนก็ได้โซซัดโซเซไปจนถึงเมืองไพศาลี ขณะนั้น พระรถสิทธิ์ เจ้าเมืองได้เสด็จผ่านมาพอดี เมื่อทรงพบพวกนางเข้าก็ทรงพอพระทัยในตัวนางสิบสองมาก จึงทรงรับนางทั้งสิบสองคนไปเป็นพระมเหสี
ฝ่าย นางสันทมาร ก็ได้ติดตามพวกนางทั้งสิบสองมาจนถึงเมืองไพศาลี เมื่อนางทราบว่านางสิบสองได้เป็นพระมเหสีของ พระรถสิทธิ์ ก็ยิ่งทำให้ นางสันทมาร มีความอิจฉาริษยา ในตัวนางทั้งสิบสองคนและเพิ่มความโกรธเคียดแค้นมากขึ้นอีก นางจึงแปลงกายเป็นหญิงงาม ทำอุบายร้องห่มร้องให้ขอเข้าเฝ้า พระรถสิทธิ์ เมื่อมีโอกาศได้เข้าเฝ้า พระรถสิทธิ์ นางก็เล่าว่า ตนชื่อ นางสมุดชา ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับเศรษฐี นางจึงหนีมา ด้วยเสน่ห์เล่ห์กลของนาง พระรถสิทธิ์ จึงเกิดความสงสาร รับนางไว้เป็น พระชายา และพระรถสิทธิ์ก็ลุ่มหลง นางสมุดชา มาก จนลืมพระมเหสีทั้งสิบสองคน ทิ้งให้พวกนางเศร้าเสียใจ
วันหนึ่ง นางสมุดชา ทำอุบายหลอกลวงว่า นางป่วย ไม่สบายมาก พระรถสิทธิ์ เรียกหมอหลวงมาดูอาการ ไม่ว่าหมอหลวงจะรักษาอย่างไรนางก็ไม่ดีขึ้น นางบอกหมอหลวงว่า ตำรายาที่จะทำให้นางหายนั้นต้องใช้ดวงตาของสาวที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกันสิบสองคนเป็นตัวยาจึงจะรักษาหาย
พระรถสิทธิ์ นั้นสงสารนางสิบสองมาก แต่ด้วยเวทมนต์ของนางยักษ์ จึงสั่งให้ควักลูกตาของนางทั้งสิบสองคนมาเป็นเครื่องยา แต่นางเภานั้น ทหารสงสารจึงควักตาของนางแค่ข้างเดียว กรรมในครั้งนี้เกิดมาจาก เมื่อครั้งที่หนีนางยักษ์มานั้น ทั้งสิบสองคนได้จับปลากินประทังความหิว พี่ ๆนั้นเมื่อจับปลาได้ ได้พากันร้อยเชือกปลาโดยแทงตาปลาทะลุทั้งสองข้าง ส่วนนางเภานั้นร้อยปลาจากปากปลาไปทะลุตาปลาเพียงข้างเดียว ฉะนั้นนางจึงถูกควักลูกตาเพียงข้างเดียวเพราะผลกรรมในครั้งนั้น
ในเวลานั้นพวกนางทั้งสิบสองคนได้ตั้งครรภ์กับ พระรถสิทธิ์ เมื่อนางสันทมารรู้เข้าจึงสั่งให้ทหารจับพวกนางไปขังไว้ในถ้ำมืด มีความเป็นอยู่ข้นแค้นมาก อดมื้อกินมื้อ ส่วนพระรถสิทธิ์ นั้นไม่ทราบว่าพระมเหสีทั้งสิบสองคนตั้งครรภ์ เพราะตกอยู่ในอำนาจของมนต์เสน่ห์นางยักษ์ นางสิบสองนั้นได้รับความอดอยากมากในถ้ำมืดนั้น จนกระทั่งคลอดบุตร เมื่อพี่สาวทั้งสิบเอ็ดคนคลอดบุตรออกมาต่างก็ช่วยกันฉีกเนื้อแบ่งกันกิน เภานั้นได้เก็บส่วนแบ่งทั้งสิบเอ็ดชิ้นไว้
ครั้นนางคลอดบุตรออกมาบ้าง นางก็นำเนื้อทั้งสิบเอ็ดก้อนนั้นส่งให้พี่ ๆ ฉะนั้นลูกของนางเภาจึงรอดชีวิต เภาเลี้ยงลูกอยู่ในถ้ำนั้นจนโต วิ่งเล่นได้ และได้ตั้งชื่อว่า พระรถเสน
พระอินทร์ได้เล็งเห็นว่าเคราะห์กรรมของนางทั้งสิบสองใกล้จะสิ้นแล้วจึงแปลงองค์ลงมาเป็นไก่ หากินอยู่หน้่าถ้ำ เพราะพระรถเสนนั้น หาอาหารมาเลี้ยงแม่และป้าจากการหาไก่มาชน และเล่นพนันสะบ้า เมื่อชนะพนันก็จะซื้ออาหารมาให้แม่และป้าทุกวัน พระรถเสน เมื่อได้พบกับไก่พระอินทร์แปลงกายมา ก็เลี้ยงไว้และนำไก่นั้นไปชนพนันกับชาวบ้านได้ชัยชนะทุกครั้ง และได้นำเงินไปซื้ออาหารมาให้แม่และป้า ๆเสมอ และเมื่อเล่นพนันสะบ้าครั้งใดก็ชนะอีกทุกครั้งไป จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว ความนี้ได้ทราบถึง พระรถสิทธิ์ พระองค์จึงเรียก พระรถเสน มาเฝ้า เมื่อทรงซักถามจนทราบว่าเป็นพระโอรสก็ได้ทรงเลี้ยงไว้ จนพระรถเสนเติบโตเป็นหนุ่มระหว่างนั้น นางสมุดชา ยักษ์ร้ายเมื่อทราบเรื่องก็คิดกำจัด พระรถเสนเสีย นางได้สร้างอุบายเจ็บป่วยอีก โดยคราวนี้นางบอกว่าต้องหายาจากต่างเมืองมารักษาจึงจะหาย โดยให้ พระรถสิทธิ์ สั่งให้ พระรถเสน ไปเมือง ๆ หนึ่ง ซึ่งก็คือเมืองยักษ์ของนาง เพื่อนำเอา มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่่ มาเป็นตัวยารักษานาง นางสมุดชา ได้เขียนสารให้ พระรถเสนถือไปส่งให้นางเมรี โดยมีใจความภายในว่า ถึงกลางวันให้ฆ่ากลางวัน ถึงกลางคืนให้ฆ่ากลางคืน ด้วย มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ พระรถเมรี นางสิบสอง
พระรถเสน ได้ออกเดินทางไปยังเมืองยักษ์ตามคำสั่งพระราชบิดา โดยมีพาหนะเป็นม้าวิเศษสามารถพูดได้และวิ่งเร็วราวกับพายุ เมื่อเดินทางมาไกลจนถึงกลางป่า พระรถเสนก็พบอาศรมฤาษี จึงหยุดพัก และขอพักผ่อนค้างคืนที่นั่น พระฤาษีผู้นี้มีญาณวิเศษทราบเหตุการณ์ จึงแอบเปลี่ยนข้อความในสารของ นางสมุดชาใหม่ว่า ถึงกลางวันให้แต่งกลางวัน ถึงกลางคืนให้แต่งกลางคืน จึงเรียกเหตุนี้ว่า ฤาษีแปลงสาร ครั้น พระรถเสน เมื่อเดินทางมาถึงเมืองยักษ์และพบกับ นางเมรี ก็นำสารจาก นางสมุดชา มอบให้เพื่อจะขอ มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่ นางเมรี นั้นเมื่ออ่านสารแล้ว ก็ปฎิบัติตามคำสั่งของแม่ทุกประการ คือจัดงานอภิเษกสมรสและยังแถมยกเมืองให้พระรถเสนครองด้วย พระรถเสน อยู่กับ นางเมรี ที่เมืองยักษ์อย่างมีความสุข แต่กระนั้นก็ทรงระลึกถึงมารดาและป้าของพระองค์มาก จึงสงสัยในตัวของ นางเมรี และ นางสมุดชา พระองค์จึงทรงออกอุบายจัดงานเลี้ยงฉลองมีสุราอาหารมากมายและทรงหลอกล่อให้ นางเมรี ดื่มสุราจนเมา เมื่อนางเมาแล้ว พระรถเสน ก็หลอกถามเรื่องราวต่าง ๆจากนาง จนทาบว่า นางสมุดชา ได้ฝากห่อดวงตาของนางสิบสองไว้ที่นางเมรี พระรถเสนยังได้หลอกล่อนางให้เล่าเรื่องราวสำคัญเพิ่มอีก จนได้ทราบเพิ่มเติมอีกถึงที่เก็บห่อดวงตา กล่องดวงใจของนางยักษ์ ตลอดจนถึงยาวิเศษขนานต่าง ๆ และผงวิเศษที่โปรยแล้วสามารถ ทำให้เกิดกองไฟ ทำให้เกิดภูเขา และทำให้เกิดแม่น้ำมหาสมุทรได้
เมื่อทราบความจริงแล้ว พระรถเสน ก็ได้ นำกล่องดวงใจของนางยักษ์ ห่อดวงตา และยารักษา รวมถึงผงวิเศษติดตัวหนีออกจากเมืองไป เมื่อ นางเมรี สร่างเมาแล้วไม่เห็น พระรถเสน นางก็ทราบว่าพระรถเสน หนีไปเสียแล้ว นางกับเหล่าทหารยักษ์จึงออกติดตามหา พระรถเสน ด้วยความอาลัยรัก พระรถเสนได้ควบม้าวิเศษหนีมาแต่ นางเมรี ก็ตามมาจนทัน พระรถเสนจึงโปรยผงวิเศษให้เป็นภูเขา และไฟ แต่ นางเมรี ก็ข้ามพ้นมาได้ จนพระรถเสนได้โปรยผงวิเศษเป็นมหาสมุทร นางเมรี จึงสิ้นฤทธิ์ไม่สามารถข้ามมหาสมุทรมาหาพระรถเสนได้ นางร้องให้คร่ำครวญอ้อนวอนให้ พระรถเสนกลับไปอยู่กับนาง พระรถเสน เกิดใจสงสารต่อนาง แต่ม้าวิเศษได้ทัดทานไว้และพูดให้พระองค์ระลึกถึงมารดาและป้า ๆ ที่รออยู่ พระรถเสนจึงตัดใจ นางเมรี เมื่อทราบว่าพระรถเสนหมดอาลัยในตัวนางแล้วก็เสียใจมากจนอกแตกตาย
เมื่อ พระรถเสน กลับมาถึงเมืองไพศาลี ก็นำดวงตามารดาและป้า ๆ พร้อมกับยารักษาไปรักษาจนนางทั้งสิบสองมองเห็นอีกครั้ง แล้วพระรถเสนก็ทรงเข้าเฝ้าพระบิดาพร้อมกับทูลว่านางสมุดชาเป็นยักษ์ร้ายแปลงกายมา เมื่อนางสมุดชาทราบว่าทุกคนรู้ความจริงหมดแล้ว นางก็คืนรูปเป็นยักษ์เข้าต่อสู้กับ พระรถเสน แต่พระรถเสนมีกล่องดวงใจของนาง จึงทำลายกล่องดวงใจนั้นจนนางสิ้นใจตาย พระรถสิทธิ์ จึงคลายจากมนต์สะกด และได้รับนางทั้งสิบสองคนกลับมาเป็นพระมเหสีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง
จบ พระรถเมรี นางสิบสอง
จาก นิทานพื้นบ้าน หมวด นิทานพื้นบ้านภาคกลาง
Tags: นาง12, นิทานพื้นบ้านภาคกลาง, พระรถเมรี นางสิบสอง
เข้าชม : 6198 |