วัดราษฎร์ศรัทธา(ท้ายดอน)
อยู่ในเขตพื้นที่ของ ตำบลเหมือง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เป็นวัดที่เก่าแก่สร้างมานาน ประมาณอายุเท่าที่ผู้เขียนได้สอบถามจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เชื่อถือได้ ยืนยันว่าสร้างมาอย่างน้อยไม่ต่ำ 130 ปี ทั้งนี้เพราะพบหลักฐานที่เชื่อถือได้คือสิ่งปรักหักพังต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์พระพุทธรูปบูชาที่เป็นปูน ซึ่งขุดพบได้บริเวณเขตวัดเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งเป็นศิลปะสมัยโบราณ โดยเฉพาะเมื่อสมัยก่อนในละแวกบ้านแสนสุขนั้น มีวัดอยู่เพียงแค่ 2 วัดเท่านั้น คือวัดเก่าโบราณ ซึ่งทุกวันนี้ ใช้เป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัยของท่านอาจารย์โท้กับ วัดสวนตาล หรือวัดตาลล้อมในปัจจุบันนี้นั่นเอง สภาพของพื้นที่เป็นบริเวณป่า การคมนาคมไปมาไม่ค่อยจะสะดวก เนื่องจากถนนหนทางยังไม่มี ต้องเดินกันตามป่า ไม่สะดวกแกชาวบ้านที่จะไปประกอบกิจบุญกุศลตามวัดในหน้าเทศกาล จึงมีผู้คิดดำริที่จะสร้างวัดขึ้นมาใหม่ โดยดำริที่จะสร้างให้อยู่ใกล้หมู่บ้าน เพื่อประชาชนชาวบ้านจะได้ไปมาสะดวก พอดีกับที่ตาไทกับนางสมบูรณ์ ได้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินเป็นธรณีสงฆ์ และได้มอบให้หลวงพ่อจ้อยร่วมกับชาวบ้านเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นมา โดยตั้งชื่อวัดนี้ว่า “วัดท้ายดอน”
ต่อมาสมัยของหลวงพ่อแย้ม จึงมีนายอ่วมกับราษฎร ได้ทำรายงานกราบบังคมทูลพระกรุณาขอเป็นวิสุงคามสีมา ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม รัตนโกสินทร์ ศก 112 พระพุทธศาสนกาล 2446 นามว่า “วัดราษฎร์ศรัทธา” ตำบลเหมือง อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยมีหลวงพ่อจ้อย เป็นพระองค์แรกที่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดไม่ปรากฏ หลวงพ่อจ้อยจึงได้สึกออกไป พอขาดเจ้าอาวาส ชาวบ้านจึงได้ไปนิมนต์หลวงพ่อแย้มซึ่งท่านเป็นคนตะวันตก ให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ช่วงนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไร จนกระทั่งได้เปลี่ยนเจ้าอาวาสวัดใหม่ เป็นขรัวตาหลง ซึ่งตามประวัติว่าเป็นหมอกลางบ้าน แต่ก็อยู่ไม่ได้นาน ชาวบ้านต้องนิมนต์หลวงพ่อจากที่ต่าง ๆ มาเป็นเจ้าอาวาสวัดอีกหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์ที่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ศรัทธา ก็อยู่กันไม่ค่อยทนต้องมีเหตุให้สึกไปบ้างหนีไปบ้างเป็นอยู่ประจำจนชาวบ้านต่างพากันกล่าวว่า “วัดราษฎร์ศรัทธา” เป็นวัดที่มีอาถรรพ์แรงใครมาอยู่ถึงอยู่ไม่ค่อยจะได้จนกระทั่งมาสมัยท่านขรัวตามากเป็นเจ้าอาวาส จึงได้มีโครงการสร้างโบสถ์ขึ้นมา แต่ก็สร้างยังไม่สำเร็จ เพราะท่านได้มรณภาพเสียก่อน ซึ่งระยะนี้ท่านอาจารย์พูน (พระครูพิพัฒน์ศีลคุณ) ได้มาจำพรรษาเป็นพรรษาแรกที่วัดราษฎร์ศรัทธา แต่ท่านก็อยู่จำพรรษาได้เพียง 3 พรรษาเท่านั้น เนื่องจากขณะนั้นวัดสวนตาล (วัดตาลล้อม) เกิดจะร้างขึ้นมาเพราะไม่มีพระจำพรรษาเลย ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดในสมัยนั้นจึงได้นิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดสวนตาลเสีย ชาวบ้านจึงต้องไปนิมนต์อาจารย์โต มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแทน
ภายในอุโบสถหลังใหม่ของวัดราษฎร์ศรัทธา เป็นพระอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดประดิษฐาน พระประธานองค์ใหญ่ งดงามมาก
พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ที่พระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งใต้โบสถ์ ผู้มาสักการะสามารถลอดผ่านใต้โบสถ์ที่พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายในพระอุโบสถนอกจากจะมีพระบรมสารีริกธาตุ แล้ว ยังมีพระอรหันตธาตุของพระอริยสงฆ์หลายพระองค์ให้กราบสักการะด้วย
เข้าชม : 732
|