เนื้อหา : บทความสาระน่ารู้
หมวดหมู่ : บทความทั่วไป หัวข้อเรื่อง : ประโยชน์อันน่าทึ่งของการอ่านหนังสือ
พุธ ที่ 6 เดือน กันยายน พ.ศ.2560
|
|
1.กระตุ้นการทำงานของสมอง
สมองก็เป็นอวัยวะอย่างหนึ่งในร่างกาย ที่ต้องการการออกกำลัง เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการทำงานให้ลื่นไหลไม่ติดขัดอยู่เสมอ และจากการวิจัยทางการแพทย์ก็พบว่า การอ่านหนังสืออยู่เสมอจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง และกระตุ้นกระบวนการคิด ทำให้ห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์ และโรคความจำเสื่อม เพราะการใช้สมองคิดตามสิ่งที่อ่าน จะทำให้สมองได้ทำงานอยู่ตลอดนั่นเอง
2.ลดความเครียด
ไม่เพียงแต่กระตุ้นการทำงานของสมอง แต่การอ่านหนังสือยังมีข้อดีที่น่าสนใจอย่างช่วยลดความเครียดได้ด้วย โดยนักจิตวิทยาได้แนะนำว่า การอ่านหนังสือนิยาย หรือหนังสือที่เราชอบในช่วงเวลาที่มีความเครียดจากงาน หรือสิ่งที่เจอในชีวิตประจำวัน จะทำให้ความเครียดที่มีอยู่หายไปได้ เพราะเมื่อเรามีสมาธิในการอ่านหนังสือที่อยู่ในมือ เราก็จะลืมเลือนเรื่องที่กำลังกังวล หรือเรื่องที่กำลังเครียดอยู่โดยอัตโนมัติ เผลอ ๆ ข้อคิด หรือมุมมองดี ๆ ที่ได้จากหนังสือ ก็อาจจะช่วยให้เรื่องที่กำลังเครียดอยู่กลายเป็นเรื่องสิว ๆ ไปเลยก็ได้
3.ให้ความรู้
แน่นอนอยู่แล้วว่าเมื่อเราอ่านหนังสือ เราก็จะได้ความรู้ หรือข้อคิดอะไรบางอย่างกลับมา และไม่จำเป็นต้องเป็นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยสาระความรู้เสมอไป หนังสือนิยายรักหวานแหว หรือหนังสือการ์ตูน ก็สามารถให้อะไรกับเราได้ไม่มากก็น้อยเช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องให้ความบันเทิงกับเราล่ะ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหน ก็หยิบมาอ่านเถอะค่ะ รับรองว่ายังไงก็ได้ประโยชน์แน่นอน
4.ได้สำนวนภาษา
หากลองสังเกตดี ๆ จะรู้ว่า การอ่านหนังสือนั้นช่วยให้เราได้เรียนรู้สำนวนภาษา คำศัพท์ วิธีการพูดอย่างสละสลวย นุ่มนวล ยิ่งถ้าได้อ่านหนังสือภาษาต่างประเทศ หรือหนังสือแปล เราก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้คำศัพท์ และสำนวนใหม่ ๆ ไม่รู้จักจบสิ้น ไม่เชื่อลองสังเกตสำนวนการพูดหรือสำนวนการเขียนของคนที่ชอบอ่านหนังสือดูก็ได้ แล้วจะได้เห็นความแตกต่าง ว่าเขาสามารถพูดจา และเขียนหนังสือได้อย่างไม่สะดุด อ่านก็ลื่นตา ฟังก็ลื่นหู เห็นได้ชัดว่ายิ่งอ่าน ก็ยิ่งได้ประโยชน์ดี ๆ ต่อตัวคุณเองอย่างไม่น่าเชื่อเลยเนอะ
5.ช่วยกระตุ้นความจำ
เมื่อเราอ่านหรือรับอะไรก็ตามเข้าไปในสมอง สมองจะสั่งการเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ในส่วนหนึ่งของสมอง ที่มีไว้สำหรับการจดจำข้อมูล และเรียกใช้ได้อย่างทันทีเมื่อจำเป็น ดังนั้นเมื่อเราอ่านหนังสือมาก สมองก็จะได้ทำงาน เก็บข้อมูลและเรียบเรียงข้อมูลใหม่ เพื่อให้เราสามารถจำอะไรได้ดีขึ้น เราจึงสามารถเรียนรู้และจดจำได้อย่างดี ไม่มีลืม
6.บริหารกระบวนการคิดวิเคราะห์
ทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือที่มีเงื่อนงำ หรือมีปมที่ต้องคิดตาม สมองของเราก็จะพยายามขบคิดปมปัญหานั้น ๆ และหาทางออกด้วยตัวเอง เช่นกันกับเวลาที่ได้ดูหนังแนวสืบสวนสอบสวน เราก็จะพยายามคลำหาคำตอบอยู่ในใจไปพร้อม ๆ กับเนื้อเรื่อง ซึ่งก็จะทำให้กระบวนการคิดวิเคราะห์ของเราได้ทำงาน บริหารตัวเองอยู่ตลอด เรียกได้ว่ายิ่งได้อ่านก็เหมือนยิ่งได้ลับสมองให้เฉียบแหลมยังไงยังงั้นเลยล่ะ
7.ฝึกสมาธิ
หากอยากได้สมาธิ หรือต้องการหลีกหนีความวุ่นวายรอบกาย ก็ลองหยิบหนังสือที่น่าสนใจมาอ่านดูสิ แล้วคุณก็จะได้ฝึกสมาธิได้อย่างที่ตั้งใจ เพราะเวลาที่เราเพ่งความสนใจไปยังหนังสือ ก็จะได้เพ่งสมาธิและสมองไปด้วย ทำให้เรามีสมาธิทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ถึงขนาดที่ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ให้อ่านหนังสือก่อนทำงาน หรือเรียนสัก 15-20 นาที เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสมองและร่างกายให้พร้อมทำงาน และเรียนหนังสือเลยทีเดียว
8.พัฒนาทักษะการเขียน
เชื่อได้ว่าคนที่อ่านหนังสือทุกคน แม้จะอ่านบ่อยหรือไม่ค่อยบ่อยก็ตาม จะต้องมีนักเขียนในดวงใจ ที่เราอ่านแล้วชอบวิธีการเขียน และสำนวนของเขาเหลือเกิน ซึ่งสิ่งนี้และที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทักษะทางด้านการเขียนให้เรา และยิ่งถ้าได้อ่านบ่อย ๆ ก็จะได้ทั้งคำศัพท์และสำนวนภาษาที่เขาใช้เขียนหนังสือกัน ไม่แน่ว่าสักวันคุณก็อาจจะได้เป็นนักเขียนฝีมือดีคนหนึ่งเลยก็ได้นะ
9.ให้ความสงบ
ผลวิจัยทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่า นอกจากการอ่านหนังสือจะช่วยให้เรามีสมาธิขึ้นแล้ว การอ่านหนังสือยังช่วยให้ร่างกายเราเกิดความรู้สึกสงบขึ้นด้วย โดยหากอ่านหนังสือแนวปรัชญาหรือหนังสือที่ให้แนวคิด จะช่วยลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติได้ หรือถ้าอ่านหนังสือประเภทฮาวทู (self-help books) ก็จะช่วยปรับอารมณ์ที่แปรปรวนให้กลับมาเป็นปกติ และบางทีก็สามารถช่วยชี้ทางสว่างให้ปัญหาที่มืดแปดด้านได้ด้วย
10.ให้ความบันเทิง
ไม่ว่าจะอ่านหนังสือประเภทไหนก็แล้วแต่ จะมีสาระความรู้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะหนังสือสามารถให้อะไรกับคนอ่านได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด ไอเดียดี ๆ ทักษะภาษา หรือแม้แต่หนังสือภาพการ์ตูนที่ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลย ก็ยังสามารถให้ความบันเทิงเริงใจแก่ผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้น หากวัน ๆ หนึ่งคุณไม่ค่อยได้อ่านหนังสือเท่าไร ก็ลองหาหนังสือที่คิดว่าน่าสนใจ หรือเริ่มอ่านข้อความบนถุงกระดาษ หรือบนฉลากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันก่อนก็ได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www. kapook.com ผู้อ่านสามารถติดตามเรื่องราวดีๆด้านการศึกษาได้จาก https://education.kapook.com
เข้าชม : 3731
|
|
บทความทั่วไป 5 อันดับล่าสุด
สมเด็จพระเทพฯ พระราชทาน ส.ค.ส. ปี 2561 ปีจอขอให้ร่าเริง 8 / ธ.ค. / 2560
วันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปีเป็นวันสำคัญของชาติ 1. เป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร 30 / พ.ย. / 2560
วันลอยกระทง 2560 ประวัติวันลอยกระทง(Loy Krathong Festival) 30 / ต.ค. / 2560
สถานที่จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของประชาชน 5 / ต.ค. / 2560
ความหมาย ดอกไม้จันทน์ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ 2 / ต.ค. / 2560
|