คุณรู้จักสิ่งที่อยู่ในภาพด้านล่างนี้หรือไม่?
มองดูอาจคล้ายกับผลไม้อย่าง องุ่นเขียว ใช่มั๊ยล่ะคะ? แต่จริง ๆ แล้ว มันคือ "สาหร่ายทะเล" นั่นเองค่ะ
สาหร่ายทะเล เป็นพืชชั้นต่ำชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเล และเป็นอาหารที่นิยมบริโภคในต่างประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว ประเทศที่นิยมบริโภคสาหร่ายทะเลได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และฟิลิปปินส์ โดยสาหร่ายที่เราเห็นกันอยู่ในภาพนี้ มีชื่อว่า สาหร่ายพวงองุ่น ชื่อวิทยาศาสตร์ของมันคือ Caulerpa lentillifera J. Agardh เป็นสาหร่ายทะเลสีเขียวที่มีใบ (รามูลัส) เป็นเม็ด ทรงกลม ใส สีเขียว มีแขนงตั้งตรงลักษณะคล้ายพวงองุ่นแตกออกมาจากส่วนที่เลื้อยไปตามพื้นผิว ส่วนปลายของแขนงย่อยเป็นทรงกลม ซึ่งแตกปกคลุมหนาแน่นเกือบตลอดความยาวแขนง มีรอยคอดชัดเจนระหว่างปลายแขนงย่อยที่เป็นทรงกลมกับส่วนก้านสั้น
ด้วยความที่หน้าตามันมีลักษณะเป็นพวง เม็ดกลมเป็นช่อ คล้ายเหมือนกับองุ่น หรือไข่ปลาคาเวียร์สีเขียว มันจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "Sea grapes" หรือ "Green caviar" ส่วนชาวญี่ปุ่นจะเรียกสาหร่ายชนิดนี้ว่า "Umi budo" ซึ่งแปลว่า องุ่นแห่งท้องทะเลค่ะ
นอกจากนี้ยังมีสาหร่ายอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับสาหร่ายพวงองุ่นชนิดนี้มาก นั่นก็คือ สาหร่ายช่อพริกไทย ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลที่ใกล้เคียงกับสาหร่ายพวงองุ่น แต่มีน้ำหนักเบากว่า เนื่องจากมีลักษณะของเม็ดที่เล็กกว่า คล้ายกับเม็ดพริกไทย จึงถูกเรียกว่า "สาหร่ายช่อพริกไทย" นั่นเอง
สาหร่ายช่อพริกไทย
สาหร่ายพวงองุ่นจัดเป็นหนึ่งในสาหร่ายที่รับประทานได้ และยังมีรสชาติดีอีกด้วย โดยเราอาจพบสาหร่ายชนิดนี้เจริญอยู่บนโขดหิน ก้อนกรวด และพื้นทราย ในเขตน้ำขึ้นน้ำลงไปจนถึงเขตน้ำลงต่ำสุดบริเวณชายฝั่งที่มีคลื่นไม่รุนแรง โดยอาจอยู่รวมตัวกันเป็นกระจุกหรือปะปนกับสาหร่ายชนิดอื่นตามซอกหินหรือปะการัง ปัจจุบันสามารถพบสาหร่ายพวงองุ่นได้ในเขตประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังแพร่กระจายไปในเขตร้อนอย่าง เคนยา มาดากัสการ์ โมแซมบิก แทนซาเนียและปาปัวนิวกินี
สาหร่ายพวงองุ่นจัดเป็นอาหารสุขภาพที่มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นหลายประเทศจึงนิยมเลี้ยงสาหร่ายทะเลเพื่อส่งออก ซึ่งปัจจุบันกรมการประมงในประเทศไทยสามารถเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่น ได้ด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นได้อย่างสะอาดและมีสีสันสวยงาม ทั้งยังถือเป็นสาหร่ายที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจซึ่งได้มีการขยายในระบบบ่อเลี้ยง
โดยในประเทศฟิลิปปินส์ มีการเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นทั้งในระบบบ่อดินและบ่อน้ำธรรมชาติ ส่วนในประเทศไทย กรมการประมงริเริ่มการเลี้ยงสาหร่ายชนิดนี้ในปี พ.ศ. 2536 โดยปลูกในบ่อพักน้ำชีวภาพ แต่ปัจจุบันได้พัฒนาการเพาะเลี้ยงเพื่อขยายผลในเชิงพาณิชย์ โดยสามารถเพาะเลี้ยงได้ 3 รูปแบบ ทั้งในระบบบ่อการเลี้ยงในบ่อพักน้ำธรรมชาติ เลี้ยงในบ่อดินหรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ เช่น บ่อเลี้ยงกุ้ง หรือบ่อเลี้ยงปลา และระบบการเลี้ยงในบ่อคอนกรีต
ทั้งนี้สาหร่ายพวงองุ่น ถือเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น เพราะมีความเชื่อกันว่า หากรับประทานสาหร่ายชนิดนี้ จะทำให้หายป่วยเร็วขึ้น เนื่องจากสาหร่ายพวงองุ่นเป็นสาหร่ายที่มีคุณค่าทางอาหารสูง คือมีปริมาณของแร่ธาตุหลากหลายชนิด ได้แก่ ไอโอดีนซึ่งช่วยป้องกันและรักษาโรคคอพอก แมกนีเซียมช่วยบำรุงกล้ามเนื้อและระบบประสาท โปแทสเซียมช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์และสมดุลของน้ำในร่างกาย รวมทั้งพบวิตามินบี ซี อี และกรดอะมิโนจำเป็นหลากหลายชนิด ที่ไม่พบในพืชบก โดยพบว่ามีกรดอะมิโนจำเป็นอยู่เกือบ 40% ของกรดอะมิโนรวม ซึ่งใกล้เคียงกับในไข่และโปรตีนถั่วเหลือง ทั้งยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน หัวใจ และความดันโลหิต
ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ จึงทำให้สาหร่ายพวงองุ่น ได้รับการเรียกขานว่า "longevity seaweeds"
ด้วยหน้าตาที่น่าประทานของสาหร่ายพวงองุ่นและคุณประโยชน์มากมายของมันเช่นนี้แล้ว ทำให้สาหร่ายพวงองุ่นกลายเป็นอาหารสุขภาพน้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ดังนั้นอย่าลืมลองหาซื้อสาหร่ายพวงองุ่นมารับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีของเรากันบ้างนะคะ
|